1.
มีคนสองประเภทที่มักบอกเราว่า "เงินไม่สำคัญ" หนึ่งคือ "คนไม่มีเงิน" กับสอง "คนมีเงิน" ...ซึ่งไม่มีประโยชน์กับเราทั้งคู่ เพราะคนไม่มีเงิน เมื่อไม่มีเงิน หาเงินไม่ได้ จึงบอกปัดไปว่าเงินไม่สำคัญ ส่วนคนมีเงิน เมื่อเขามีเงินแล้ว หาได้แล้ว เขาจึงพูดได้ว่าเงินไม่สำคัญ ...ทั้งที่จริง เงินนั้นสำคัญ แต่การฟังคนสองกลุ่มนี้จะทำให้เราหลงคิดไปว่าเงินไม่สำคัญ
แต่พอเขียนแบบนี้ ก็จะมีคนรีบแย้งอีกว่า เงินสำคัญนะ แต่ไม่สำคัญที่สุด เรื่องนี้ทำผมแปลกใจทุกครั้ง เงินนั้นเป็นเรื่องแปลก เราต้องทำงานหาเงินแทบทุกวันทั้งชีวิต แต่กลับพยายามหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงมัน บางคนกระดากใจที่หาเงินได้น้อยกว่าที่ควรจะหาได้ จึงพยายามกลบเกลื่อนใส่ร้ายป้ายสีให้เงินเป็นสิ่งชั่วร้าย ใครพูดเรื่องเงิน คือคนโลภ
ผมแปลกใจที่ทำไมเราไม่พยายามทำความเข้าใจว่า แล้วเราจะหาเงิน รักษาเงิน และเพิ่มพูนเงินอย่างไร เชื่อเถอะครับว่าวันที่ไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน ชีวิตจะคิดอะไรออกอีกเยอะ วันที่เราไม่ต้องทำงานเพื่อเงินอย่างเดียว งานที่เราสร้างขึ้นนั้นจะทรงพลังมาก วันที่เราช่วยเหลือตัวเองรอดแล้ว เราจะช่วยเหลือคนอื่นได้อีกมาก
เงินสำคัญ แต่บางทีการเอาแต่หาเงิน มันก็ทำให้ชีวิตวุ่นวายไปหน่อย เพราะฉะนั้นจึงต้องจัดการเรื่องเงินให้จบ ให้พ้นจากความยากจน ให้ไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน ซึ่งทั้งหมดไม่ได้แปลว่าต้องรวยล้นฟ้า แต่แค่เรามองออกว่า ชีวิตที่เหลืออยู่นี้ ฉันจะทำมาหากินอะไรอย่างมีความสุข พอกินพอใช้ ไม่ต้องกระเสือกกระสนจนวันตาย
...เพราะเงินนั้นสำคัญมากครับ
2.
ที่คนหนึ่งคนยังคงยากจน เงินไม่พอใช้ ไม่ใช่เพราะครอบครัวเขายากจน ไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนไม่เก่ง ไม่ใช่เพราะเขาขาดโอกาส ...แต่เป็นเพราะเขาไม่ได้อยากร่ำรวย "อย่างแท้จริง"
คำว่า "อย่างแท้จริง" คือสิ่งที่แยก "คนจริง" กับ "นักหาข้ออ้าง" ออกจากกัน เพราะมันไม่ใช่อยากร่ำรวยแต่ปาก แต่คือการยอมลำบากลงมือทำ มันไม่ใช่อยากร่ำรวยแค่วันสองวัน แต่คือความฝันที่ต้องใช้ความพยายาม มันไม่ใช่อยากร่ำรวยเพราะถูกหวย แต่คือการตระหนักว่าฉันจะรวยด้วยการสร้างเอง มันไม่ใช่อยากร่ำรวยเพราะฝาเครื่องดื่ม แต่คือการไม่ลืมว่าคือฉันคนเดียวที่รับผิดชอบชีวิตตัวเอง มันไม่ใช่อยากร่ำรวยแล้วยังทำเหมือนเดิม แต่คือการเพิ่มเติมสิ่งใหม่ที่ไม่เคยทำ
เมื่อมีความต้องการ "อย่างแท้จริง" ทุกสิ่งจะเปิดทางให้ ทุกย่างที่ก้าวเหยียบ ถนนจะงอกมารองรับเท้าของคนกล้า ส่วนคนที่ไม่ได้ต้องการ "อย่างแท้จริง" ก็ได้แต่ยืนหาข้ออ้างอยู่กับที่ ว่ามีเหตุผลอะไรบ้างที่เขาไม่สามารถร่ำรวยได้ มีคนมากมายที่ "ยกฐานะ" ตัวเองขึ้นมาได้ เราไม่ใช่คนแรกที่เดินบนถนนสายนี้ อยู่ที่จะเอาจริงหรือเปล่าเท่านั้นเอง
เมื่อใครสักคนอยากร่ำรวย เขาผู้นั้นไม่ได้กำลังทำผิด ไม่ต้องไปตักเตือนว่า ห้ามโกงคนอื่นนะ ห้ามเอาเปรียบนะ เพราะการคิดแบบนั้นลึก ๆ เรากำลังคิดว่าหนทางสร้างฐานะล้วนต้องทำความไม่ดี ...ซึ่งไม่จริง
ขอแค่มีความต้องการอย่างแท้จริง ประตูทุกบานจะเปิดให้เราเอง
3.
ความแก่มีจริง อาการหมดไฟมีจริง ความเจ็บป่วยก็มีจริง อาการหมดแรงมีจริง และอาการหมดตังค์ ตอนหมดแรงก็มีจริง เมื่อมาถึงจุดหนึ่งของชีวิต เราจะเริ่มเห็นคนที่เดินมาก่อนหน้าเรา ไปถึงจุดที่อีกหน่อยเราก็จะต้องไปถึง ...ในความหมายว่าแก่ หมดแรง หมดไฟ คำถามจึงอยู่ที่ เราอยากไปถึงจุดนั้นแบบไหน? เราอยากมีชีวิตแบบไหนในวันบ่ายคล้อย ใกล้ตะวันตกดิน
ยุคนี้เรื่องของการวางแผนการเงิน วางแผนเกษียณ เป็นเรื่องฮอตฮิตมาก ฮิตจนหลายคนต่อต้านเสียอย่างนั้น พูดกันไปว่าเดี๋ยวฉันก็เอาตัวรอดได้อยู่แล้ว คนสมัยก่อนเขายังอยู่มาได้ ไม่เห็นเป็นไร ไอ้เรื่องวางแผนการเงิน วางแผนเกษียณมันเป็นเรื่องกังวลเกินกว่าเหตุ คนที่พูดเรื่องนี้ สงสัยอยากขายประกัน อยากขายกองทุนล่ะสิท่า บางคนว่าไปแบบนั้น
เรื่องนี้พูดยากครับ เพียงแต่อยากเล่าให้ฟังว่า ผมคงเดินทางมาถึงจุดที่เห็นรุ่นพี่หลายคนเริ่มเป็นรุ่นใหญ่วัยใกล้เกษียณ พวกเขาไม่ได้อยู่ในโมงยามของรุ่งอรุณอีกต่อไป ไม่ได้คึกคักเต็มไปด้วยพลัง ไม่ได้พร้อมจะเริ่มอะไรใหม่ เขาอยากจะหาที่ร่อนลง ...แต่ก็ยังไม่รู้ว่าตรงไหน?
บ้างทำงานมาจนล้า บ่นว่าเหนื่อย แต่หยุดไม่ได้ บ้างปรับตัวไม่ทันกับกระแสความเปลี่ยนแปลง ไม่รู้จะไปอย่างไรต่อ บ้างเพิ่งตรวจสอบสินทรัพย์ตัวเอง เพื่อที่จะพบว่าแทบไม่มีเงินเก็บเลย บ้างเพิ่งรู้ตัวว่าไม่ได้ขุดบ่อน้ำไว้ ตั้งแต่วันที่ยังไม่กระหายน้ำ
อ่านแล้วเครียด ...แต่มันจะเครียดกว่านี้ ถ้าทั้งหมดนี้เกิดขึ้นกับชีวิตเราจริง ๆ
4.
สิ่งที่ผมพยายามจะบอกก็คือ ถ้าไม่ตายซะก่อน เราได้แก่แน่ ๆ และเราอาจจะได้เจ็บป่วย อาจได้พบกับมรสุมชีวิตที่ไม่คาดคิด อาจหมดไฟ หมดแรง หมดตังค์ ทุกอย่างอาจเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น อย่าโลกสวย จนลืมกางตาข่าย ขอให้ปูฟูกไว้เผื่อตอนล้มด้วย การวางแผนการเงินไม่ต่างจากการฝึกภาษา ลดน้ำหนัก หรือปลูกต้นไม้ นั่นคือ มันต้องใช้เวลา และไม่เห็นผลกระทบในวันเดียว มันคือสิ่งที่เหมือนจะไม่จำเป็น จนกระทั่งมันจำเป็น ...นั่นล่ะเราจึงรู้ซึ้งว่าจำเป็น
หนึ่งในคำพูดที่เศร้าที่สุดก็คือคำว่า "ไม่ทันแล้ว" และเรื่องการวางแผนทางการเงิน ก็คือหนึ่งในเรื่องที่ถ้าเราบอกว่า "ไม่ทันแล้ว" มันจะเจ็บปวดเหลือเกิน ถ้าเราวางแผนการเงินเสียตั้งแต่เนิ่น ๆ เราจะเครียดน้อย เพราะมีเวลาเยอะ แต่ถ้าเราวางแผนช้า เราจะเครียดเยอะ เพราะมีเวลาน้อย
เมื่อวานผ่านไปแล้ว วันนี้เริ่มถึงจะสาย แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย เพราะเวลาไม่เคยคอยใคร ส่วนจะเริ่มต้นอย่างไรนั้น หนังสือ ยูทูป สัมมนา มหาศาลความรู้ทั้งฟรีและเสียเงิน รอให้เราทำความเข้าใจอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากทำจริง ๆ หรือเปล่าเท่านั้นเอง
ความแก่มีจริง อาการหมดไฟมีจริง ความเจ็บป่วยก็มีจริง อาการหมดแรงมีจริง และอาการหมดตังค์ ตอนหมดแรงก็มีจริง วางแผนการเงินไว้ตั้งแต่วันที่ยังมีแรง วันที่ยังเป็นหนุ่มสาว วันที่ยังหาเงินได้ วันที่ยังไม่จำเป็นต้องวางแผน วันที่ยังไม่หิวน้ำ วันที่ยังไม่ต้องการร่มเงา เมื่อวันที่ต้องใช้งานขึ้นมาจริง ๆ เมื่อนั้นจะได้ไม่ต้องมีคำว่า "ไม่ทันแล้ว" ยังไงล่ะครับ.
Comments