1.
เขียนหรือพูดอะไรไว้ในโลกออนไลน์ ต้องคิดให้ยาว ๆ ครับ เพราะเมื่อทำไปแล้วมันอยู่ทน อยู่นาน เราจึงต้องคิดให้ยาว ๆ ใจเย็น ๆ ไว้ อย่าเอาแต่ความคึกคะนองระยะสั้น ระวังจะทุกข์ทรมานระยะยาว ก่อนเขียนหรือพูดอะไรลงไปในโลกออนไลน์ ขอให้คิดให้ดีก่อน
มีอยู่ 3 คำถามที่ผมใช้ตรวจสอบตัวเองก่อนโพสต์ จึงอยากเล่าให้ฟังครับ หากเห็นด้วย ก็ลองนำไปปรับใช้ดู
คำถามที่ 1 : อีก 5 ปีข้างหน้า หากย้อนมามองในสิ่งที่เขียนหรือพูดไว้ ฉันน่าจะสมเพชตัวเองหรือเปล่า?
ไม่ใช่สมเพชเรื่องความเชยนะครับ แต่สมเพชเรื่องคุณธรรมประจำใจ พูดง่าย ๆ ก็คือ เราจะเกลียดในสิ่งที่เขียนหรือพูดไปแบบนั้นหรือเปล่า?
ข้อนี้ยากหน่อย เพราะเมื่อเราเติบโตขึ้น สิ่งที่เชื่อในวันนี้ วันหน้าอาจจะไม่เชื่อแล้วก็ได้ แต่อย่างน้อย ๆ คำถามนี้ก็ช่วยดึงสติเราได้บ้างครับ
คำถามที่ 2 : ถ้าในอนาคต ฉันได้รับเชิญให้เป็นตัวแทนของประเทศ เพียงแต่ต้องสอบประวัติย้อนหลังเสียหน่อย สิ่งที่ฉันเคยเขียนหรือพูดไว้ในโลกออนไลน์วันนี้ จะย้อนมาทำร้ายตัวเองในอนาคตหรือเปล่า?
ผมชอบคำถามนี้ มันน่ากลัวดีครับ เพราะเราไม่รู้เลยว่าอนาคตจะมีโอกาสอะไรเข้ามาหาเราบ้าง หากวันหนึ่งกลายเป็นคนมีชื่อเสียงขึ้นมา จะเริ่มมีคนขุดคุ้ยอดีตของเรา และถ้าอดีตนั้นไม่สวยสักเท่าไหร่...แบบนี้คงเครียดน่าดู
คำถามที่ 3 : วันที่ลูกของฉันเติบโตขึ้น ถ้าลูกได้อ่านสิ่งที่ฉันเขียน ฟังสิ่งที่ฉันพูด ฉันจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกหรือเปล่า?
คำถามนี้ชวนให้เรานึกถึงผลกระทบที่เรามีต่อผู้อื่น ไม่ใช่แค่ชื่อเสียงของเรา แต่หมายถึงบางอย่างที่ส่งต่อให้คนในครอบครัว (ถ้าใครไม่มีลูก ขอให้ลองนึกถึงคนในครอบครัว) คำถามนี้ทำให้เราละเอียดอ่อนขึ้นและตระหนักถึงผลกระทบของสิ่งที่เราทำไว้
ที่เขียนมาทั้งหมด ไม่ได้บอกว่าผมทำได้ยอดเยี่ยมนะครับ บางอดีตผมก็เสียใจ ไม่น่าพูดหรือเขียนอะไรแบบนั้นเลย ผมไม่ได้เป็นคนดีสมบูรณ์แบบขนาดนั้น แค่กำลังพยายามเป็นคนที่ดีขึ้น...ก็เท่านั้นเอง
อันนี้แค่เรื่องพูดหรือเขียนในโลกออนไลน์นะครับ ส่วนพฤติกรรมในชีวิตจริง ถ้าใครไปทำไม่ดีไว้...
รับรองว่ามันจะตามมาหลอกหลอนในโลกออนไลน์แน่นอน
2.
พูดถึงโลกออนไลน์ ผมขอชวนคุยอีกเรื่อง นั่นคือ "ตัวตนและภาพลักษณ์บนโลกออนไลน์" ผมมีความเชื่อว่า "ถ้าเราสร้างผลงานได้สักครึ่งหนึ่งของสิ่งที่เราสร้างภาพไว้...นั่นคงจะดีมาก"
เราบางคนสับสนกับคำว่า "สร้างแบรนด์" สร้างแบรนด์คือ กระบวนการทำสิ่งที่มีอยู่แล้ว เป็นความสามารถของเราอยู่แล้ว เป็นจุดแข็งของเราอยู่แล้ว จากนั้นจึงนำมาทำให้โดดเด่น เห็นชัด จนผู้คนจดจำ
การ "สร้างแบรนด์" ต้องไม่เกินความสามารถจริง ต้องไม่สร้างความคาดหวังที่จะทำให้ผิดหวัง
แต่บางคนกลับอุปโลกน์ในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้เป็น ยังไม่ได้เป็น...หรือไม่มีวันจะเป็นได้ แล้วขยายให้โดดเด่นเห็นเป็นภาพ ทั้งภาพนิ่งและเคลื่อนไหว...จนผู้คนจดจำได้ และผู้คนจำนวนหนึ่งนั้นก็แปลกเหลือเกิน เชื่อง่าย หลอกง่าย คิดไปเองว่าถ้าภาพออกมาดูดี...แปลว่าผลงานก็ต้องดี ซึ่งมันคนละเรื่องกันเลย
มีอยู่ครั้งนึงผมอยากได้สินค้าชนิดหนึ่ง แต่ยังไม่มีข้อมูล (เพราะยังไม่ได้ค้นหา) ปรากฏว่ามีคนรู้จักกัน แนะนำผมว่า ซื้อยี่ห้อนี้สิ...ดีมาก ได้ยินดังนั้นผมก็เลยถามกลับไปว่า "จริงเหรอ...รู้ได้ไงว่าดี? เคยใช้เหรอ?"
เชื่อหรือไม่ เขาตอบผมว่า "ไม่เคยใช้ เห็นเขาโฆษณาบอกว่าสินค้าดี ก็คงต้องดีแหละ"
...กรรมแท้ ๆ คนอะไรเชื่อง่ายเหลือเกิน
3.
นิสัยเชื่อคนง่ายแบบนี้นี่เองที่เป็นช่องโหว่ให้คนสร้างภาพหลอกลวงกินง่าย ๆ ได้นิ่ม ๆ อิ่มไปเลย ลองคิดแบบตรรกะดูสิครับ เราทุกคนมีเวลาจำกัด คนที่เอาแต่ทุ่มเทเวลาเพื่อการสร้างภาพ เขาคนนั้นจะเอาเวลาที่ไหนไปสร้างผลงาน? แค่นี้ก็น่าจะพอประมวลและประเมินผลได้แล้ว
สร้างภาพ สร้างแบรนด์ไม่ใช่เรื่องไม่ดี เพียงแต่อย่าเอาแต่สร้างภาพ จนลืมสร้างผลงานให้เท่ากับการสร้างภาพ
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เพียงใช้ตรวจสอบผู้อื่น แต่เอาไว้ตรวจสอบตัวเองด้วย ผมเองก็ใช้เตือนตัวเองอยู่ทุกวันครับว่า...
"ถ้าเราสร้างผลงานได้สักครึ่งหนึ่งของสิ่งที่สร้างภาพไว้...นั่นคงจะดีมาก"
Comments