1.
ธุรกิจนั้นเลียนแบบกันได้ไม่ยาก แต่ความรักในธุรกิจนั้น...เลียนแบบกันไม่ง่าย หากเราทำธุรกิจเป็น และรักในธุรกิจนั้นจริง ความรักจะปกป้องเราจากการเลียนแบบทั้งปวง เพราะผู้คนจะสัมผัสได้ถึงความรัก ความใส่ใจ และพวกเขาจะพบ "ชีวิตชีวา" อยู่ในนั้น
ผมนึกถึงเรื่องนี้ ตอนกินข้าวแกงอยู่ในตลาด เป็นตลาดที่ผมเพิ่งเคยไปได้ 4-5 ครั้ง และเกือบทุกครั้งที่ไป ผมต้องมานั่งร้านนี้เพราะ "แอบปลื้ม" ผู้ชายคนหนึ่ง เขาเป็นเจ้าของร้านข้าวแกงร้านนี้ ร้านไม่ใหญ่ไม่เล็ก กับข้าว 10 กว่าอย่าง ลูกน้อง 4-5 คน ตักกับข้าว ทำอาหาร เสิร์ฟ ส่วนตัวเขาเองเหมือนผู้เล่นสารพัดประโยชน์ ทำทุกหน้าที่ รับลูกค้า เสิร์ฟข้าว น้ำ คิดเงิน และหน้าที่อื่น ๆ แล้วแต่จะเห็นว่าเขาทำได้
ตั้งแต่ครั้งแรกที่มากิน ผมสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่าง คำพูดที่เขาใช้ ฟังแล้วรู้สึกได้รับการต้อนรับเสียเหลือเกิน เขาถามผมว่า...คุณพ่อสั่งหรือยังครับ? (ผมมากับลูกและภรรยา) สั่งแล้วนะครับ งั้นนั่งก่อนเลยครับ เดี๋ยวผมไปเสิร์ฟให้ โต๊ะนั้นก็ได้ครับ ...ไปนั่งเลยลูก ตามพ่อไปเลย เขาบอกกับลูกสาวผม
ซอส น้ำจิ้ม น้ำเปล่า ทิชชู่ ยกมาอย่างรวดเร็ว...เป็นเจ้าของร้านคนนี้นี่แหละที่คอยยกมาให้
2.
ระหว่างนั่งกินข้าว ผมแอบสังเกตเขาตลอด ถ้าว่าง เขาจะจัดกับข้าวในถาดให้เรียบร้อย ตรวจดูว่าข้าวสวยยังมีเต็มหม้อหรือเปล่า พูดคุยหยอกล้อกับพนักงานในร้าน เรียกว่าเต็มไปด้วย "ชีวิตชีวา"
พอเรียกเก็บเงิน เขามาที่โต๊ะอย่างรวดเร็ว พูดด้วยเสียงนอบน้อม จนผมเองยังเกรงใจ "ขออนุญาตสอบถามนะครับ คุณพ่อคุณแม่ราดกับข้าวสองอย่างนะครับ ของน้องอย่างเดียวนะครับ 100 บาทพอดีครับ"
มื้อนั้น นอกจากอิ่มข้าวแล้ว ผมยังอิ่มใจที่ได้รับการบริการดี ๆ จากเจ้าของร้านคนนี้
เขียนเล่าไปแบบนี้ อาจรู้สึกธรรมดาเหลือเกิน ก็แค่พ่อค้าบริการดีเท่านั้น ไม่เห็นแปลก แต่ไม่รู้สิครับ พลังบางอย่างเล่าผ่านตัวหนังสือยาก ผมคิดว่าเขาน่าจะรักร้านข้าวแกงของเขามาก ๆ
ผมเป็นพวกประทับใจ "คนที่รักในงานของตัวเอง" รู้สึกว่าพวกเขามีเกียรติ งานของเขาก็มีเกียรติ และเราก็รู้สึกเป็นเกียรติไปด้วย ที่ได้เป็นลูกค้าของเขา เจอคนแบบนี้ทีไร ผมมักไปอุดหนุนอยู่บ่อย ๆ เพราะอยากเป็นกำลังใจให้
โลกต้องการคนแบบนี้เยอะ ๆ ครับ
3.
ในตลาดเดียวกัน ถัดไปไม่กี่เมตร ในระยะสายตาเห็น มีร้านข้าวแกงขนาดใหญ่ กับข้าว 30 อย่าง แปลกตรงที่ผมไปตลาดนี้กี่ครั้ง ก็ไม่เคยเห็นมีคนนั่งกินร้านนี้ และกับข้าวก็เต็มพูนทุกถาด
ผมคงไม่อาจบอกได้ว่าร้านนี้เขาขายไม่ดีหรอกครับ เขาอาจขายดีเวลาอื่นก็ได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่มาขายทุกวัน เพียงแต่แค่ประหลาดใจที่ร้านแรกที่ผมเล่าถึงนั้น ขนาดกับข้าวเหลืออยู่ก้นถาด ก็ยังมีคนขอซื้อ (ผมคนหนึ่งล่ะ ยืนจองมะระยัดไส้ชิ้นสุดท้าย)
ผมไม่อาจรู้ได้หรอกครับว่าคนมาซื้อข้าวแกงร้านแรกกันเยอะแยะนั้นเป็นเพราะอะไร จะเกี่ยวกับชายเจ้าของร้านที่ผมแอบปลื้มหรือเปล่า แต่ผมคนหนึ่งล่ะ ที่ไปกินข้าวแกง เพราะชื่นชอบในตัวเขา
และแน่นอน กับข้าวร้านเขาก็อร่อยใช่ย่อย
4.
พอเล่าเรื่องนี้ จึงนึกถึงเรื่องที่จั่วหัวมาครับ "ธุรกิจนั้นเลียนแบบกันได้ไม่ยาก แต่ความรักในธุรกิจนั้น เลียนแบบกันได้ยาก" ยุคนี้ (หรือยุคไหน ๆ) ผู้คนมักทำธุรกิจตามกัน เห็นเขาขายดี ก็ทำตามเขาบ้าง ทั้งที่รักก็ไม่รัก เก่งก็ไม่เก่ง หวังแต่เงินท่าเดียว ส่วนใหญ่ก็เลยไม่รอด ม้วนเสื่อไปตามระเบียบ
จริงอยู่ หากเป็นธุรกิจใหญ่โตระดับมหาชน เราไม่อาจสัมผัสได้ถึงความรักในการทำธุรกิจ เพราะใหญ่จนไม่มีใครเป็นเจ้าของคนเดียว แต่ในสภาวะ SME ล้นเมือง ใคร ๆ ก็ทำธุรกิจส่วนตัว แต่ส่วนใหญ่แล้วกลับทำธุรกิจเหมือน ๆ กันหมด ผมคิดว่า "ความรัก" นี่แหละคือความแตกต่าง ความรักทำให้เรา "อิน" ในสิ่งที่ทำ อินจนเกิดมีชีวิตชีวา อินจนอยากทำสินค้าให้ดี อยากบริการให้โดนใจ อยากให้คนอื่นได้อินแบบเราบ้าง
ก็อย่างที่ผมบอกนั่นแหละ...หากเราทำธุรกิจเป็น และรักในธุรกิจนั้นจริง ความรักจะปกป้องเราจากการเลียนแบบทั้งปวง เพราะผู้คนสัมผัสได้ถึงความรัก ความใส่ใจ และพวกเขาจะพบ "ชีวิตชีวา" อยู่ในนั้น
ถ้าเราอยากประสบความสำเร็จในธุรกิจนั้น ๆ ความรักอาจไม่ใช่ต้นเหตุใหญ่ในความสำเร็จ แต่ก็เป็นปัจจัยที่ขาดไม่ได้เลย
แล้วคุณล่ะครับ รักในสิ่งที่ทำอยู่ในตอนนี้แค่ไหน?
Comments