หลังจากที่ผมเขียนถึง "20 เพลงไทยที่ชอบที่สุดในปี 2020" ไปแล้ว (ใครยังไม่ได้อ่าน กด ที่นี่ ครับ) ก็ถึงคราวของเพลงสากลบ้าง ทุกวันศุกร์ผมจะฟังเพลงใหม่ ๆ จากเพลย์ลิสต์ของ Spotify รวมแล้วในหนึ่งปีน่าจะหลายพันเพลง จากหลายพันเพลงดังกล่าว ผมค่อย ๆ คัดเพลงที่ฟังแล้วชอบออกมาจนเหลือประมาณ 300 เพลง และจาก 300 เพลงนั้น ผมคัดให้เหลือเพียง "20 เพลงสากลที่ชอบที่สุดในปี 2020"
ช่วงปลายปีแบบนี้ เผื่อใครจะเอาไปฟังตามบ้าง มาลองดูครับว่า 20 เพลงนั้นมีเพลงอะไรบ้าง (ไม่ได้เรียงตามลำดับความชอบ)
1. MAX – Working For The Weekend
นอกจากจะชอบความคึกคักของจังหวะในเพลงนี้แล้ว ผมยังชอบเนื้อเพลงที่บรรยายถึง "สภาพ" ของคนทำงานหนักไว้ได้อย่างมีลูกเล่น เขาร้องไว้ว่า "I've been working for the weekend. But that weekend never came. Will you pat my back tomorrow If I break my back today?" ฉันทำงานหนักเพื่อเฝ้ารอวันหยุด แต่วันหยุดก็ไม่เคยมาถึง พรุ่งนี้เธอจะช่วยลูบหลังปลอบใจฉันได้ไหม ถ้าวันนี้ฉันทำงานจนหลังแทบหัก เชื่อว่าถ้าใครทำงานช่วงหยุดยาว เพลงนี้คงจะโดนใจ
2. The 1975 - Guys
นุ่มนวลชวนฟัง ติดหูตั้งแต่อินโทร วงเท่ ๆ วงนี้ทำเพลงได้หลากหลายอารมณ์จริง ๆ อย่างเพลงนี้เนื้อหาพูดถึงมิตรภาพของเพื่อนที่เคยใช้ชีวิตร่วมกัน (หรือจะคนรักก็ยังได้) แต่ละท่อนบรรยายความรู้สึกจนเห็นภาพชัดเจนว่าอะไรบ้างที่ทำให้เกิดสิ่งที่ดีที่สุดกับฉัน (the best thing that ever happened to me) ซึ่งทุกอันลงท้ายด้วยเสียง "แอน" เช่น The moment that you took my hand the moment that we started a band แต่ที่เด็ดสุดคือ the first time we went to Japan เรียกว่าประโยคนี้ได้ใจแฟน ๆ ชาวญี่ปุ่นไปเต็ม ๆ
3. Nicklas Sahl - In The Window Frame
เพลงโปรดที่สุดของผมในปีนี้ ทำนองโคตรเพราะ ร้องดีระดับต้องกราบ เนื้อเพลงก็ออดอ้อนสาวเสียเหลือเกิน ด้วยการมายืนร้องเรียกสาวเจ้าที่เคยรักกันมา เขาร้องไว้ว่า "So I'm gonna stay here, calling out your name. Surely, all your neighbours think that I'm insane. I might have had one too many. And I don't wanna be demanding. I just need your face in the window frame. Looking down on me." ฉันจะยืนอยู่ตรงนี้ ร้องเรียกชื่อเธอ เพื่อนบ้านของเธอคงคิดว่าฉันบ้าแน่ ๆ ฉันอาจจะดื่มมากไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้จะมาเรียกร้องอะไรมาก แค่อยากเห็นหน้าเธอตรงหน้าต่าง ก้มมองลงมาดูฉันเท่านั้นก็พอ ...ยิ่งฟังยิ่งแปลกใจว่าทำไมเพลงนี้ไม่ดัง แต่ก็ดีเหมือนกัน ผมจะได้เก็บไว้เป็นเพลงโปรดส่วนตัว
4. Foster The People - Lamb's Wool
ซาวนด์ดนตรีล้ำสมัย แต่กลับเข้ากับท่อนฮุคในสเกลเพนทาโทนิคได้อย่างลงตัว ยิ่งเมื่อฟังความหมายของเนื้อเพลงด้วยแล้ว ต้องบอกว่าดีงามยิ่งขึ้นไปอีก เรื่องราวของการลาจากไปสู่อีกโลก เนื้อเพลงบรรยายวาระสุดท้ายของชีวิตได้เห็นภาพมาก "When I'm quiet on the other side know that I am loving you, that's all I do is keep loving you" เมื่อฉันปราศจากเสียงเมื่ออยู่อีกฟากฝั่ง ขอให้รู้ไว้ว่าเถิดว่าฉันยังรักเธอ ทั้งหมดที่ฉันทำได้ก็คือรักเธอ
5. Robinson - Watching You
เพลงเศร้าของคนแอบรักเพื่อน นี่คืออีกหนึ่งเพลงที่ควรจะดังกว่านี้ ฮุคติดหูระดับแกะไม่ออก เสียงร้องก็ดีมาก ดูเอ็มวีไปด้วยยิ่งอินมากขึ้นไปอีก ผมชอบท่อนฮุคที่บอกว่า "I'm too tired to pretend that last night didn't hurt. When you called me a friend and it wouldn't be the first time you made me cry. You don't even know why. And I'm watching as you watching her" ฉันเหนื่อยแล้วที่จะต้องเสแสร้งว่าเมื่อคืนฉันไม่เจ็บปวด ตอนที่เธอเรียกฉันว่าคือเพื่อนเธอ นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอทำฉันร้องไห้ เธอช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ฉันมองดูเธออยู่ เหมือนที่เธอมองดูเขาคนนั้น ...โอโหเนื้อเพลงบาดลึกจริง ๆ
6. OJ Law - Burning Out
ศิลปินชาวมาเลเซียที่ทำเพลงออกมาได้สากลมาก ตอนที่ฟังแต่เพลง ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่คืองานของชาวเอเชีย สำเนียงภาษาอังกฤษดีมาก แต่ที่ดีกว่าคือสำเนียงดนตรีที่เก๋ามาก คิดว่ากำลังฟังเพลงของวงยุค 70s อย่างวง ELO อยู่เสียอีก เปียโน กลอง เครื่องสาย เสียงประสาน กีตาร์โซโล่ ทั้งหมดนี้สำเนาถูกต้องเพลงพ็อพร็อคในยุค 70s เนื้อหาว่าด้วยอาการแห่งยุคสมัยนั่นคือ "Burn out" หรือหมดไฟ แค่เนื้อท่อนแรกก็โดนใจแล้วครับ "Rest your weary soul. A break from the rat race. And climbing social ladders." ให้จิตใจที่อ่อนล้าได้พักผ่อน หยุดจากสนามแข่งหนูและการปีนป่ายบนบันไดสถานะสังคม ...เอ็มวีก็ยอดเยี่ยม เรียบง่าย แต่บอกอะไรได้หลายอย่าง (OJ Law คือชายใส่แว่นที่นั่งอยู่ในรถแท็กซี่ แล้วโทรศัพท์ร้องเพลงไปด้วยครับ)
7. Jarryd James - Problems
เพลงนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าผมชอบซาวนด์ของกลองครับ กระชับ ทรงพลัง เสียงไฮแฮทโดดเด่นมาก ส่วนเนื้อร้องสารภาพว่ายังเข้าไม่ถึงว่าเขากำลังจะสื่อถึงอะไร (แต่เป็นเรื่องปกติของเพลงฝรั่งทั้งหลายครับ ไม่ใช่เราแปลไม่รู้เรื่อง แต่บางเพลงนั้นส่วนตัวมากจนเปิดโอกาสให้ตีความไปได้ต่าง ๆ นานา)
8. Passenger - The Way That I Love You
สมัยนี้เพลงโฟล์กเพราะ ๆ แบบนี้หาฟังได้ยากมาก แต่เพลงนี้ (และเพลงอื่น ๆ ของวงนี้) ทำได้ถึง เรียกว่าถ้าใครไม่รู้ นึกว่ากำลังฟังเพลงเก่าที่ไม่เคยฟังของศิลปินรุ่นเก่าอย่าง Jim Croce, Dan Fogelberg หรือ Ralph Mctell อยู่ เนื้อเพลงก็งดงามมาก ผมชอบท่อนนี้ "Discard what is fake, keep what is real. Pursue what you love, embrace how you feel. If only you could love yourself the way that I love you" ละทิ้งสิ่งจอมปลอม รักษาไว้ซึ่งสิ่งจริง แสวงหาสิ่งที่รัก โอบกอดความรู้สึก ขอเพียงเธอรักตัวเธอเอง แบบที่ฉันนั้นรักเธอ
9. Emily Burns-Terrified
อีกหนึ่งเพลงดีที่ไม่ดัง แทบไม่มียอดวิวคนฟังใน youtube เลย แต่ส่วนผมรู้สึกว่าเป็นเพลงพ็อพที่ติดหู จังหวะคึกคัก มีความ 80s 90s อยู่ในตัว ผมชอบเนื้อเพลงท่อนที่ร้องว่า "And they say I should enjoy the ride But I'm terrified. When I gotta be honest, be honest I'm terrified" ใคร ๆ ก็บอกให้ฉันเอนจอยกับชีวิต แต่ฉันล่ะกลัวจริง ๆ เวลาที่ฉันต้องทำตัวซื่อสัตย์ (ต่อความรู้สึก) ฉันล่ะกลัวจริง ๆ
10. Badly Drawn Boy - I Need Someone To Trust
ศิลปินที่เคยมีเพลงดังจากหนังเรื่อง About a Boy ซึ่งอันที่จริงแล้ว เขาก็ยังคงมีผลงานเพลงสม่ำเสมอ เพียงแต่อาจไม่ได้โด่งดังในวงกว้าง เพลงนี้ยังคงลายเซ็นในแบบของเขา ฟังง่าย เล่าเรื่องเก่ง กำลังใจมาเต็ม ๆ กับเนื้อเพลงนี้ ผมชอบท่อนนี้ครับ "It's funny how so much can change, but inside you still feel the same. Now you can laugh at things you used to be scared of. The best kind of self defense, is when you learn to love yourself. And you let the light into your soul, through your eyes" มันน่าขำที่หลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป แต่ข้างในเรากลับเหมือนเดิม ตอนนี้เราหัวเราะให้กับสิ่งที่เคยกลัวได้แล้ว การปกป้องตัวเองที่ดีที่สุด คือเราต้องเรียนรู้ที่จะรักตัวเอง ต้องปล่อยให้แสงสว่างส่องเข้ามาในใจ ผ่านทางดวงตาของเรา
11. AURORA - Exist For Love
เสียงของเธอไพเราะมาก เนื้อเพลงก็หวานหยดย้อย ผมชอบท่อนนี้ "And then I learned the truth. How everything good in life seems to lead back to you. And every single time I run into your arms. I feel like I exist for love" และแล้วฉันก็ได้เรียนรู้ความจริงว่าทุกสิ่งที่ดีในชีวิตของฉันล้วนมีเธอเป็นต้นเหตุ ทุกครั้งที่ฉันโผเข้าสู่อ้อมกอดของเธอ ฉันรู้สึกราวกับฉันนั้นมีอยู่เพื่อรักเธอ
12.Sandro Cavazza, Brother Leo - Sad Child
เพลงจังหวะโยกกำลังดี เนื้อเพลงร้องตามง่ายมาก เสียงผิวปากในเพลงก็อดผิวปากตามไม่ได้ ทีแรกผมคิดว่าน่าจะดังกว่านี้ ผมชอบเนื้อเพลงท่อนนี้ครับ "When Heaven calls, Wants to take you home. When the darkness falls and you feel alone. Just dance Just move around your feet to the rhythm, to the beat. Forget it and just be free Just lose it to the beat. Be who you're supposed to be." วันใดที่มีเสียงเพรียกจากสวรรค์เรียกให้กลับบ้าน วันใดที่ความมืดเข้าปกคลุมจนรู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยว ขอให้ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวร่างกาย เต้นไปตามจังหวะ ลืมมันไปก่อน เป็นอิสระจากมัน ปลดปล่อยใจไปตามจังหวะ เป็นตัวเราในแบบที่อยากเป็น
13. Aloe Blacc - My Way
ร้องดีจนขนลุก เนื้อเพลงก็ดีมาก เป็นอีกหนึ่งเพลงในปีนี้ที่ต้องใช้คำว่า Underrated คือถูกประเมินค่าต่ำไป อยากให้โลกมองเห็นและได้ยินเพลงนี้ในสักวัน เนื้อหาดีจริง ๆ ผมชอบมาก โดยเฉพาะท่อนนี้ "People say I'm foolish. People say I'm blinded by faith. But if I run out of air, if I crash I don't care. I'm gonna do it my way. I can make it through this. You can throw the world in my face. But the fear gives me life. And I swear till I die I'm gonna do it my way." ใคร ๆ ก็บอกว่าฉันมันงี่เง่า ใคร ๆ ก็บอกว่าฉันมันงมงาย แต่ต่อให้ฉันขาดแม้อากาศหายใจ ร่างแหลกสลาย ฉันก็ไม่แคร์ ฉันจะไปบนทางที่ฉันเลือกเอง ฉันทำมันได้อย่างแน่นอน ต่อให้ทุกปัญหาถาโถมใส่ แต่ความกลัวจะยิ่งทำให้ฉันรู้สึกถึงความมีชีวิต ฉันสาบานว่าจากนี้จนวันตาย ฉันจะเดินบนทางของฉันเอง
14. Justin Bieber & benny blanco - Lonely
ยกให้เป็นเพลงโคตรเศร้าแห่งปี เพลงยาวแค่ 2 นาทีกว่า ทั้งเพลงมีแค่เปียโนกับเสียงร้อง แต่สะกดคนฟังอยู่หมัด เนื้อเพลงราวกับ Bieber ถอดหัวใจใส่เพลง เล่าเรื่องตัวเองออกมาอย่างเปิดเผยสุด ๆ ผมชอบเนื้อเพลงทุกท่อน แต่ขอยกมาแค่ท่อนนี้แล้วกันครับ "Everybody knows my past now. Like my house was always made of glass. And maybe that's the price you pay for the money and fame at an early age. ทุกคนรู้จักอดีตและเรื่องราวของฉันดี ราวกับบ้านของฉันทำจากกระจกใส นี่คงเป็นราคาที่ต้องจ่ายเพื่อแลกกับเงินทองและชื่อเสียงที่ได้มาตั้งแต่อายุยังน้อย
15. Bombay Bicycle Club - Two Lives
เพลงโฟล์คง่าย ๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน ผมชอบเนื้อเพลงในท่อนฮุค ฟังแล้วจริงแบบตลกร้าย "Someone said that time would ease the pain of two lives love has grown apart. But I believe whoever wrote that song never had a broken heart" ใครบางคนบอกไว้ในเพลงว่าเวลาจะเยียวยาความเจ็บปวดของคนสองคนที่รักต้องแยกจาก แต่ฉันเชื่อว่าคนที่แต่งเพลงนั้นคงไม่เคยอกหักในชีวิตจริง"
16. NIKI - Lose
สิ่งหนึ่งที่สร้างความทึ่งให้กับผมในการจัดอันดับเพลงสากลที่ชอบในปีนี้ก็คือ มีเพลงจากศิลปินชาวอินโดนีเซียติดอันดับเข้ามาในลิสต์หลายเพลงมาก (ผมฟังเพลงแบบที่ไม่รู้เลยว่าใครร้อง) เรียกว่าต้องจำใจจำยอมตัดทิ้งไปหลายเพลง ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นการจัดอันดับเพลงอินโดนีเซียที่ฟังแล้วชอบที่สุดในปี 2020 สรุปแล้วผมจึงขอเลือกเพลงนี้เพลงเดียว สาเหตุเพราะ NIKI น่าจะเป็นศิลปินอินโดที่ดังที่สุดแล้ว ลองฟังโปรดักชั่นทั้งหมดของเพลงนี้ดูได้ครับ แล้วจะเห็นด้วยกับผมว่าเพลงอินโดนั้น "โกอินเตอร์" มาก ๆ
17. John K - parachute
ท่อน Da-da, da-da-da-da ติดหูจนอดร้องตามไม่ได้ จังหวะกรูฟกำลังดี ที่ชอบคือเนื้อเพลงหวาน ๆ อย่างประโยคนี้ "You're the one good thing I ain't questioning Like ooh, if I knew that it would kill me. I would still be here a thousand times over.If that's the consequence of loving you. Then I would fall without a parachute." เธอคืือเรื่องดี ๆ ที่ฉันไม่มีข้อสงสัย ฉันแทบคลั่งตายเพราะรักเธอ ฉันยอมตายอีกเป็นพันครั้ง ถ้านั่นเกิดจากการที่ฉันรักเธอ ฉันยอมดิ่งพสุธาโดยไม่มีแม้ร่มชูชีพ
18. Hannah Grace- Healing Hands
ฟังเพลงนี้แล้วผมนึกถึงเพลงโปรดอย่าง Hallelujah ของ Jeff Buckley ด้วยความที่เพลงนี้ทั้งเศร้าและงดงามประมาณเดียวกัน รวมถึงเนื้อเพลงที่ (น่าจะ) พูดถึงพระเจ้าเช่นเดียวกัน เรื่องน่าแปลกก็คือเพลงนี้ไม่ดังเอาเสียเลย ใน youtube มีคนฟังแค่หลักพันเท่านั้น ทั้งที่เสียงของเธอนั้นงดงามเสียเหลือเกิน
19.Pascal Letoublon - Friendships (Lost My Love)
เชื่อว่าสาย TikTok ได้ยินเพลงนี้ แล้วต้องคุ้นในจังหวะดนตรี เพราะมีคนนำไปประกอบวิดีโอกันมากมาย ถ้าเข้าใจไม่ผิด เพลงนี้น่าจะเคยออกมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน แต่ปีนี้นำกลับมาทำใหม่อีกรอบครับ
20. FINNEAS-Another Year
เพลงนี้เพิ่งได้ฟังสด ๆ ร้อน ๆ ต้นธันวาคมนี่เอง ประทับใจเนื้อเพลงที่ตลกร้าย จิกกัดได้แสบสัน แต่ก็หวานอบอุ่นประทับใจไปพร้อมกัน เหมาะกับการเปิดฟังช่วงปีใหม่ ผมชอบเนื้อเพลงท่อนนี้ครับ "Don't have a clue where I'll be. Except for next to you on New Year's Eve. I don't believe a resolution's gonna change me. That's an awful lot of bullshit, ain't it, baby?" นึกไม่ออกเลยว่าฉันจะไปอยู่ที่ตรงไหน ถ้าไม่ใช่ข้าง ๆ เธอในวันสิ้นปี ฉันไม่เชื่อหรอกว่าปณิธานปีใหม่จะเปลี่ยนฉันได้ มันโคตรไร้สาระเลยว่าไหมล่ะ ...ผมเพิ่งมารู้ทีหลังว่าพ่อหนุ่ม FINNEAS คนนี้คือพี่ชายแท้ ๆ ของ Billie Eilish เขาคือโปรดิวเซอร์ของอัลบั้มน้องสาวที่คว้ารางวัลแกรมมี่มามากมาย ไม่ธรรมดาจริง ๆ ครับ
